การติดเกมจากอินเตอร์เน็ตอาจนำไปสู่ภาวะการติดเกมได้

4

ถ้าคุณให้ลูกถือแต่แท็บเล็ต เพราะทำให้เด็กๆ ยอมอยู่นิ่งๆ เพ่งความสนใจไปอยู่ที่หน้าจอ ไม่วิ่งซุกซน และด้วยหวังว่าจะเป็นการช่วยพัฒนาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ให้ลูก แบบนี้ น่าห่วง เพราะเท่ากับว่าคุณกำลังจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กติดจอ และนำไปสู่ “ภาวะติดเกม” หรือเป็น “โรคเกม”ได้โรคเกมหรือ ภาวะติดเกม คือการที่เด็กใช้แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน 4 ชั่วโมง/วัน และมีแนวโน้มการใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เตือนหรือห้ามไม่ให้เล่นจะหงุดหงิด มีการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะจิตใจ จากที่เคยเป็นเด็กอารมณ์ดีจะแสดงท่าทีโกรธ ฉุนเฉียว หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อคุณพ่อคุณแม่

จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์เกือบ 90% ครึ่งหนึ่งมักใช้บริการร้านอินเตอร์เน็ต และอีกครึ่งได้สัมผัสแท็บเล็ตจากที่โรงเรียนและที่บ้าน โดยเด็กใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกมกว่า 80% ซึ่งจากตัวเลขนี้เป็นสัญญาณบอกว่า เด็กเข้าถึงเกมกันอย่างทั่วถึง และ 1 ใน 3 ของเด็กที่เล่นเกม ใช้เวลาเล่นเกิน 4 ชั่วโมง/วัน เด็กๆ จึงมีโอกาสเกิดภาวะติดเกมได้ในที่สุดโรคเกม ได้ถูกบัญญัติให้เป็นโรคชนิดหนึ่ง เรียกว่า ภาวะการติดเกม จัดอยู่ในกลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ และต้องการการบำบัดรักษา จากสถิติทั่วโลกพบว่าเด็กติดเกมจะมีผลเสียต่อสุขภาพ

บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศขององค์การอนามัยโลก ที่คาดว่าจะออกมาในปี 2558 นั้นได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องเสพติดว่า นอกจากสารเสพติดแล้ว ยังรวมไปถึงการเสพติดประเภทอื่น เช่น เกม หรือคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย กรมสุขภาพจิตกำลังพัฒนาคลินิกเพื่อรักษาโรคติดเกม ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายในการจัดฝึกอบรม โรงพยาบาลชุมชน พร้อมกับมีเครื่องมือในการตรวจรักษา เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตเด็กๆ มีโอกาสติดเกมได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมซึ่งเป็นช่วงที่มีเวลาว่าง เด็กจะเล่นคอมพิวเตอร์ได้ง่าย เมื่อเปิดเทอมจึงไม่อยากไปโรงเรียน ร้องไห้งอแง หรือต้องให้คุณแม่เอาแท็บเล็ตใส่กระเป๋าไปให้ด้วย ทำให้ไม่สนใจการเรียน